วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มาทำ Multitouch กันเองดีกว่า

1 ความคิดเห็น

ระบบมัลติทัช (Multitouch) ที่ใช้ใน iphone, MacBook Pro, และ MacBook Air นั้น สามารถทำเองได้ด้วยวิธีง่ายๆ ราคาไม่แพง

หลาย คนคงเคยได้ยินชื่อระบบมัลติทัช (Multitouch) กันมาบ้างแล้ว ระบบนี้พูดด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ ระบบที่เราสามารถใช้นิ้วมือลากไปบนจอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมกันหลายๆ นิ้ว เพื่อจัดการไฟล์ต่างๆ ในอุปกรณ์นั้นได้อย่างง่ายดาย เช่น การขยายภาพให้ใหญ่หรือเล็ก โดยใช้นิ้วลากแต่ละมุมของภาพให้กว้างออกไปหรือย่อเข้ามา ภาพก็จะขยายหรือหดตามนิ้วมือเรา ซึ่งระบบนี้ต่างจากระบบ touch screen ซึ่งรับข้อมูลจากนิ้วเราได้ทีละนิ้ว

Multitouch เป็นที่คุ้นหูเราพอสมควรเพราะถูกนำมาใช้กับจอของ iphone และ touch pad ของ MacBook Pro และ MacBook Air ของค่าย Apple ซึ่งเป็นระบบ interface ที่ถูกใจของใครหลายคน เพราะทำให้ผู้ใช้สามารถย่อ-ขยายภาพได้ง่ายตามที่ต้องการ รวมถึงการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ที่โทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊คค่ายอื่นไม่เคยมีให้ใช้

เช่นเดียวกันกับ ค่าย Microsoft ที่เปิดตัวระบบ interface แบบเดียวกันนี้ในชื่อ Microsoft Surface ซึ่งมาในรูปแบบโต๊ะกาแฟเตี้ยๆ พื้นโต๊ะเป็นกระจก touch pad ขนาดมหึมา ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดการภาพถ่าย วีดีโอ และไฟล์ต่างๆ ได้ด้วยการใช้นิ้วกวาดไปมาบนโต๊ะเหมือนสัมผัสไฟล์รูปเหล่านั้นได้จริงๆ แม้กระทั่งการถ่ายโอนไฟล์จากอุปกรณ์หนึ่งไปสู่อีกอุปกรณ์หนึ่ง ก็ทำได้ง่ายเพียงวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็โยนไฟล์ระหว่างกันได้เหมือนเล่นกล


ยังมีระบบอื่นๆ ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายๆ กับ multitouch เช่น เกมของอาตาริที่ดัดแปลงให้เล่นด้วยระบบ multitouch แต่ ของค่าย Apple และ Microsoft ได้รับการกล่าวขวัญกันมากที่สุด โดยเฉพาะของค่าย Apple ที่นำมาใช้กับสินค้า home use อย่างโทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊ค ทำให้คนเริ่มคุ้นชินกัน แต่ด้วยราคาที่แพงระยับ คนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยก็ได้แต่มองตาปริบๆ

และก็เป็นโชคดีเหลือเกินที่มีคนหัวใส คิดระบบ multitouch แบบประกอบเอง หรือแนว DIY (do it yourself) มาให้ดูกันใน youtube ครับ


เจ้าแรก ดูเป็นไปได้และใช้งานได้ง่ายที่สุด ด้วยการใช้อุปกรณ์ง่ายๆ ราคารวมกันไม่เกิน 500 บาท ได้แก่ เว็บแคม, กระจกหรืออะคริลิคใส, กระดาษ, กล่องหรือลังเปล่า, เทปกาว, และโปรแกรมมัลติทัชที่ชื่อ Touchlib ซึ่งเป็น opensource ดาวน์โหลดฟรี (คลิกเพื่อ download)


วิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่นำกระดาษมาตัดให้เท่ากับกระจกหรืออะคริลิคใส แล้วแปะเข้าด้วยกันเพื่อจะนำมาใช้เป็น touch pad จากนั้นนำเว็บแคมติดในกล่องหรือลังเปล่า ให้เลนส์หงายขึ้น แล้วเจาะรูด้านข้างกล่อง เพื่อให้สาย usb ของเว็บแคมโผล่ออกมาเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้ ขั้นตอนสุดท้ายก็นำกระดาษที่แปะกับกระจกมาวางบนปากกล่อง แค่นี้ก็พร้อมใช้งาน (คลิกดู VDO)


เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากใช้ระบบ multitouch แต่ไม่อยากเสียเงินแพงๆ จะลองทำดูเองก็น่าสนุกดีไม่น้อย


สร้างเองใน 10 ขั้นตอน

จอหลากสัมผัสไม่ใช่เทคโนโลยีอวกาศ เราสามารถหาวัสดุพื้นๆ มาสร้างจอแบบนี้ขึ้นใช้งานเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือประหลาดพิสดารในห้องทดลองปรมาณู เครื่องมือช่างหรือเครื่องมือของนักสมัครเล่นทั่วๆ ไปก็ใช้ได้แล้ว จอหลากสัมผัสที่จะแนะนำวิธีสร้างนี้ ใช้หลักการตามที่ ฮาน บรรยายไว้ในรายงาน “วิธีสร้างจอหลากสัมผัสราคาถูก” ที่ตีพิมพ์ในวารสารของการประชุม ACM Symposium on Applied Computing ในปีค.ศ. 2005 (เครื่องต้นแบบที่ฮานนำเสนอในงานเท็ด 2006 ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้)

ขั้นตอนที่ 1 : เข้าใจทฤษฏีจอหลากสัมผัส
ทฤษฏีจอหลากสัมผัสเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ ตัวจอภาพสร้างจากแผ่นอะครีลิกใสธรรมดาๆ แล้วใช้เครื่องฉายภาพ ฉายภาพจากคอมพิวเตอร์ลงบนตัวรับภาพด้านหลังโดยตรง หรือจะฉายให้สะท้อนกับกระจกก่อนก็ได้ ส่วนการตรวจสอบว่านิ้วมือจิ้มที่ตำแหน่งใด ทำได้โดยใช้แสงอินฟราเรดจากหลอด LED (ความจริงควรเรียกว่า IED) หลายๆ ตัว ติดเรียงไว้จำนวนมากที่ขอบจอ เมื่อนิ้วแตะที่จุดใดกล้องอินฟราเรดจะรับภาพได้ การตรวจสอบนิ้วหลายนิ้วที่จิ้มลงหลายจุดพร้อมๆ กันทำได้ง่ายมาก เพราะกล้องอินฟราเรดรับภาพทั้งจอได้ในคราวเดียวกันอยู่แล้ว

p001
หลักการของจอหลากสัมผัสอาศัยความจริงที่ว่าเมื่อนิ้วแตะลงบนแผ่นอะครีลิก จะเป็นผลให้แสงอินฟราเรดที่ส่องผ่านในแผ่นอะครีลิกเกิดการกระจายตัว

p002

อุปกรณ์หลักๆ ที่ต้องใช้ในการสร้างจอหลากสัมผัสมีเพียง 4 อย่างคือ 1)ตัวจอภาพ (ที่เราจะสร้างขึ้นเองจากแผ่นอะครีลิก ไม้อัด และ LED แบบอินฟราเรด) 2)แผ่นรับภาพ 3)กล้องอินฟราเรดและ 4)คอมพิวเตอร์

p003
กาวหรือสารสำหรับยึดจับต่างๆ ให้ใช้สีดำเพื่อลดการสะท้อนแสง

ขั้นตอนที่ 2 : ทำกรอบ
กรอบของจอภาพเป็นกรอบไม้ธรรมดาเหมือนกรอบรูป จะทำใหญ่เท่าใดก็ได้ตามใจชอบ ถ้าเป็น LED อินฟราเรดธรรมดาราคาถูก จอไม่ควรใหญ่เกิน 30 นิ้ว เพราะความแรงของแสงจาก LED จะเป็นตัวจำกัดขนาดของจอ

p004

การประกอบจอภาพต้องอาศัยฝีมือช่างไม้นิดหน่อย ถ้าเคยทำกรอบรูปมาแล้วก็ง่าย อย่าเพิ่งแกะพลาสติกบางๆ ที่หุ้มแผ่นอะครีลิกออก ให้เก็บไว้กันแผ่นอะครีลิกเป็นรอย ไว้คอยแกะออกเมื่อทำเสร็จทุกอย่างแล้ว

ขั้นตอนที่ 3 : สร้างรางใส่หลอด
เราต้องติดตั้งหลอด LED จำนวน 88 ดวงไว้รอบๆ ขอบจอ (คือจะติดที่ขอบทั้งสี่ด้าน ด้านละ 22 ดวง) อาจจะยึด LED กับอะลูมิเนียมเส้นด้วยกาวตราช้างก็ได้

p006

หลอด LED อินฟราเรดคือพระเอกของงานนี้ LED ไม่ใช่หลอดไฟ จึงไม่มีไส้หลอด มันเป็นไดโอดที่สร้างจากสารกึ่งตัวนำ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดาษดื่น หาซื้อได้ที่บ้านหม้อ ราคาหลอดละสามถึงห้าบาท สำหรับจอขนาด 30 นิ้วใช้ LED จำนวน 88 หลอดก็พอ (ยกตัวอย่างเช่นตัวนี้ www.es.co.th/Detail.asp?Prod=TSAL7400 เป็น GAAS/GAAIAS INFRARED EMITTING DIODE ถ้าซื้อจำนวน 150 หลอดจะตกหลอดละ 2.22 บาท)

p005
หาอะลูมีเนียมเส้นยาวสามสิบนิ้ว กว้างหนึ่งนิ้วมาเจาะรูเป็นระยะๆ อย่างที่เห็นในรูป ดูให้แน่ว่าขนาดของรูสรวมหลอด LED ได้พอดีไม่หลวม ให้แน่นไว้จะดีกว่า เมื่อเจาะเสร็จแล้วให้พ่นสีดำด้าน


p007
ภาพนี้แสดงวิธีติดหลอด LED อินฟราเรด อย่าลืมใส่ตัวต้านทาน (ขนาดสัก 1K) ไว้ลดกระแสด้วย ไม่อย่างนั้นหลอดอาจจะชำรุดได้ ไฟที่จ่ายให้ LED ใช้แรงดันขนาด 5 โวลต์ก็พอ

ขั้นตอนที่ 4 : ขัดขอบอะครีลิก
เพื่อให้แสงอินฟราเรดเดินทางได้ดีขึ้น เราจำเป็นต้องขัดขอบทุกด้านของแผ่นอะครีลิกด้วยกระดาษทรายเบอร์ 200

p008

ขอบของแผ่นอะครีลิก มักไม่ใสและไม่เรียบ ทำให้แสงผ่านได้ไม่เต็มที งานนี้ต้องอดทนขัดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะใส

ขั้นตอนที่ 5 : ประกอบจอ
เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้วก็ถึงเวลานำมาประกอบเข้าด้วยกัน

p009
นำแผ่นไม้ที่ตัดไว้ทำกรอบมาประกบเข้าด้วยกัน ใส่รางอะลูมีเนียม (ซึ่งมี LED ติดไว้แล้ว) สอดเป็นไส้ไว้ตรงกลาง เราจะใช้แผ่นอะครีลิกสองแผ่น แผ่นด้านบน (คือด้านที่จะใช้นิ้วจิ้ม) ต้องหนาหน่อยเพื่อความแข็งแรง ตรงกลางใส่กระดาษฝ้า หรือกระดาษไขที่ใช้เขียนแบบเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับภาพคอมพิวเตอร์จากเครื่องฉายภาพ

p010

ประกอบเสร็จดูด้านข้างจะเป็นเห็นว่ามีสภาพเหมือนแซนวิชแบบนี้

ขั้นตอนที่ 6 : ยำเว็บแคม
ดังที่เรียนให้ทราบไปแล้วในหัวข้อที่หนึ่งว่าเราจำเป็นต้องใช้กล้องอินฟราเรด ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อกล้องอินฟราเรดตัวเป็นแสน เราสามารถนำเว็บแคมเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้วมาดัดแปลงได้

p012
แม้ตาคนจะมองไม่เห็นแสงอินฟราเรด แต่เว็บแคมจะไวต่อแสงอินฟราเรดมาก ผู้ผลิตจึงใส่แผ่นกรองแสงอินฟราเรดไว้ สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงถอดแผ่นที่ว่านี้ออก ซึ่งทำได้โดยแกะเว็บแคมออกจนเห็นตัวรับภาพ (CCDs) จะเห็นว่ามีแผ่นสีเขียวสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันคือแผ่นกรองแสงอินฟราเรด ให้ถอดออก เพียงเท่านี้กล้องก็จะรับแสงอินฟราเรดได้
เรื่องสำคัญอีกอย่างคือเราต้องการให้มันรับได้แค่อินฟราเรดเท่านั้น ไม่ต้องการให้รับแสงในย่านอื่นๆ เลย ซึ่งทำได้ง่ายอีกเช่นกัน วิธีทำคือให้นำแผ่นฟิล์มที่ใช้ถ่ายภาพ เอาเฉพาะส่วนที่เป็นสีดำมาตัดออกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม (ให้มีขนาดเท่ากับแผ่นกรองแสงอินฟราเรดที่ถอดออกไปก่อนหน้านี้) ใส่แทนที่แผ่นกรองแสงอินฟราเรด เพียงเท่านี้เว็บแคมเก่าๆ ก็จะกลายเป็นกล้องอินฟราเรดแล้ว

ขั้นตอนที่ 7 : ติดตั้งเครื่องฉายภาพ

p013
นำเครื่องฉายภาพมายึดไว้กับผนังเหนือจอภาพที่เราสร้างขึ้น หากต้องการใช้วิธีฉายใส่กระจกที่อยู่ใต้โต๊ะแล้วสะท้อนภาพเข้าใต้โต๊ะ หรือจะติดเครื่องฉายภาพไว้ใต้โต๊ะก็ได้เหมือนกัน


ขั้นตอนที่ 8 : ขาตั้ง

p014
นำเหล็กท่อหรือเหล็กฉากมาตัดแล้วเชื่อมเพื่อใช้เป็นฐานของจอภาพ
p011
ให้ทำขาตั้งที่มีพื้นด้านบนลาดเอียงเล็กน้อยเหมือนโต๊ะเขียนแบบ กะความสูงขนาดโต๊ะมาตรฐานให้พอทำงานสะดวก และที่สำคัญต้องให้มีระยะที่ภาพจากเครื่องฉายเต็มโต๊ะพอดี


ขั้นตอนที่ 9 : ซอฟต์แวร์
นอกจากฮาร์ดแวร์แล้วหัวใจสำคัญของจอหลากสัมผัสคือซอฟต์แวร์ที่จะตีความภาพตำแหน่งที่นิ้วแตะจอภาพไปเป็นพิกัด นอกจากนั้นซอฟท์แวร์ยังต้องรับรู้น้ำหนักและความเร็วในการกดด้วย ลองดูที่ www.fingerworks.com หากต้องการพัฒนาซอฟท์แวร์เองก็มีไลบรารีที่ช่วยให้การพัฒนาซอฟท์แวร์ทำได้ง่ายขึ้น ดาวน์โหลดซอฟท์แวร์ได้ที่ www.whitenoiseaudio.com/touchlib มีตัวอย่างโปรแกรมให้ทดสอบด้วย

p015
ภาพตำแหน่งที่นิ้วแตะจอภาพ เป็นภาพที่ได้จากกล้องอินฟราเรด

ขั้นตอนที่ 10 : ถึงเวลาสนุก
ประกอบทุกอย่างเข้าที่ ต่อสายไฟเลี้ยงเข้าหลอด LED (ใช้เครื่องจ่ายไฟตรง 5V หรือ 9V ขนาด 300ma ก็พอ) เสียบเว็บแคมกับคอมพิวเตอร์ ฉายภาพขึ้นจอ รันโปรแกรม เพียงเท่านี้เราก็จะได้สนุกกับจอหลากสัมผัสที่ทำเองในบ้านราคาประหยัด

ถ้าไม่นับคอมพิวเตอร์กับเครื่องฉายภาพซึ่งแพงเอาเรื่อง ค่าวัสดุทั้งหมดที่ใช้เพื่อสร้างจอหลากสัมผัสจะอยู่ประมาณสี่ถึงแปดพันบาท (ขึ้นอยู่กับว่าเรามีวัสดุเหลือใช้อะไรอยู่บ้าง) ใช้เวลาสร้างสองสามวันซึ่งส่วนมากจะหมดไปกับการเจาะรู ติดตั้งหลอด LED และการขัดขอบแผ่นอะครีลิก


ที่มา: http://thai-cs.spaces.live.com/blog/cns!4D52C1812766D2D7!1034.entry#comment

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Multi-touch interface

0 ความคิดเห็น
Multi-touch screen
ลาก่อนแป้นพิมพ์-เมาส์ สวัสดี!จอหลากสัมผั

ในวันปฐมฤกษ์ของ iPhone หลังเข้าแถวรอหลายชั่วโมง จ่ายเงินห้าร้อยเหรียญ และเดินออกมาพร้อมเสียงตบมือเชียร์ตามหลัง ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์พบว่า นอกจากของเล่นราคาแพงนี้จะมีดีไซน์ที่สวยงามแล้ว มันยังมีจอหลากสัมผัส (Multi-Touch Screen) อีกด้วย

จอหลากสัมผัสเป็นนวัตกรรม มันแตกต่างจากจอภาพระบบสัมผัสธรรมดาที่เราคุ้นเคยกัน จอภาพระบบสัมผัสธรรมดาอย่างที่เห็นตามตู้เอทีเอ็ม ตู้ให้ข้อมูลตามห้างสรรพสินค้า (kiosk) หรือแม้แต่ในเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (PDA) รับรู้การกดได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่จอหลากสัมผัสรับรู้การกดพร้อมๆ กันได้หลายจุด (มากกว่า 50 ตำแหน่ง) นอกจากนั้นมันยังสามารถแยกแยะอากัปกริยาของนิ้วและความหนักเบาในการกดได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น จอชนิดนี้สามารถ “เห็น” สิ่งที่ถูกวางไว้บนมัน และมีปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์พกพาดิจิตอลที่มันเห็นได้

การค้นคว้าพัฒนาจอหลากสัมผัสมีมานานไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีแล้ว โดยเริ่มจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต และห้องทดลองเบล แต่มันเพิ่งจะเริ่มเป็นที่สนใจของสาธารณชนเมื่อ “แจฟเฟอร์สัน วาย ฮาน” นำเสนอผลงานของเขาในงาน TED 2006 ที่สร้างความฮือฮาให้ผู้ชมมาก มันปลุกเร้าจินตนาการเพราะคล้ายภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Minority report (ภาพยนตร์

ปีค.ศ.2002 ของสตีเวน สปิลเบิกร์) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทอม ครูส ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์โดยการโบกมือไปมาในอากาศด้วยลีลาของวาทยกรที่กำลังอำนวยเพลงซิมโฟนี เบื้องหน้ามีจอภาพขนาดยักษ์ที่ทำจากวัสดุใสเหมือนแก้ว ฉายภาพซึ่งเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนที่ของนิ้วมือ

“การจับต้องเป็นกระบวนการที่เป็นธรรมชาติที่สุด” ฮาน กล่าว “แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์หรือเมาส์เพื่อสั่งการคอมพิวเตอร์ คุณสามารถจับต้องวัตถุในจอได้โดยตรง มันเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ เมื่อเราเห็นสิ่งต่างๆ เราก็อยากจะสัมผัสมัน”


จอมมายากล

งานสัมมนาของเท็ด (TED ย่อจาก Technology Entertainment Design) ที่มอนเทอเรย์คาลิฟอร์เนีย เป็นงานที่จัดขึ้นประจำทุกปีเพื่อแสดงผลงานวิจัยใหม่ล่าสุด ผู้เข้าร่วมสัมมนาล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมซึ่งจะเปลี่ยนแปลงโลก เป็นกลุ่มคนระดับมันสมองที่เดินทางมาจากทุกมุมโลกเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ

งานสัมมนาในปี 2006 ก็เหมือนกับทุกปี หอประชุมใหญ่ขนาด 500 ที่นั่ง บัดนี้เต็มแน่นจนล้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างกระหายจะรับฟังและชมการนำเสนอสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ซึ่งไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน วิทยากรผู้นำเสนอมักเป็นศาสตราจารย์ผมเผ้ากระเซิง หรือไม่ก็นักวิจัยสติเฟื่องที่หมกตัวอยู่ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์จนตัวขาวซีด จะว่าไปแล้วบรรยากาศของการสัมมนาแทบจะไม่แตกต่างจากงานประชุมผู้คลั่งไคล้ภาพยนตร์สตาร์แทรกเท่าใดนัก

เมื่อแสงไฟในห้องประชุมหรี่ลง ไฟบนเวทีก็จับที่แจฟเฟอร์สัน วาย ฮาน ซึ่งเดินออกมากลางเวทีด้วยความประหม่า ฮานเป็นชายร่างเล็ก ค่อนข้างท้วมแต่ไม่ใช่คนอ้วน ชุดสูทรสีดำแบบแมนฮัตตันเข้ากับผมสีดำและใบหน้าแบบชาวเอเชียของเขาเป็นอย่างดี ฮานไล่สายตาไปยังกลุ่มผู้ชม นั่นมหาเศรษฐี

หนุ่มนามอุโฆษ เซอร์กี บริน เจ้าของบริษัทกูเกิล กำลังจ้องมองอย่างเบื่อหน่าย นั่นแจฟ บีซุส แห่งเว็บไซต์อะเมซอนกำลังคุยกับบิล จอย ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซัน ไมโครซิสเต็ม ฮานพบว่าคนในหอประชุมล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงเทคโนโลยี ส่วนเขาเป็นเพียงวาจกนิรนาม ฮาน รู้สึกตัวลีบเหลือนิดเดียว


สุดยอดการนำเสน

แล้วฮานก็เริ่มการนำเสนอ เบื้อหน้าของเขาคือจอภาพแบบพิเศษ เป็นแผ่นกระจกใสกว้าง 36 นิ้ว ทำให้ผู้ชมสามารถมองผ่านแผ่นกระจก (ซึ่งมีเส้นตารางที่เรืองแสงอ่อนๆ แต่เห็นได้ชัดในห้องประชุมซึ่งขณะนี้ค่อนข้างมืด) และเห็นอากัปกริยาทุกอย่างของฮานได้อย่างชัดเจน

ฮานตั้งสมาธิกับจอภาพตรงหน้า สมองนึกไล่เรียงถึงลำดับของการนำเสนอที่ฝึกซ้อมมา พลันความประหม่าก็มลายไป ภายในเสี้ยววินาทีเดียว ท่าทีงกเงิ่

ของลูกแกะก็เปลี่ยนไปเป็นพยัคฆ์ที่ปราดเปรียว เขาร่ายนิ้วทั้งสิบลงบนผิวกระจกด้วยท่วงทีของนักมายากลผู้จัดเจน พลันบังเกิดเป็นเส้นแสงหลายเส้นไล่ไต่ขึ้นตามปลายนิ้ว เมื่อเขาโบกมือลูบไล้เส้นเหล่านั้นก็กลายเป็นคลื่น ภาพนี้ถูกขยายแล้วฉายลงบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังไปพร้อมๆ กัน ทันใดนั้นเขาก็เสกลาวาขึ้น (แบบในตะเกียงลาวาที่เป็นเครื่องแต่งห้อง) แล้วใช้นิ้วทั้งสิบเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสีของก้อนลาวาที่ลองลอยอยู่อย่างอิสระในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ราวกับปฏิมากรที่กำลังรังสรรค์ศิลปะเหนือจริง

หลังจากนั่งฟังการบรรยายประกอบสไลด์ที่น่าเบื่อจากวิทยากรอื่นๆ มาแล้วหลายชั่วโมง การนำเสนอนี้เกินความคาดหมายของผู้ชมไปมาก เสียงฮือฮาแสดงความตื่นเต้นเริ่มดังขึ้น แต่หูและส

มองของฮานไม่รับรู้ เขาก็กวาดมือทีหนึ่ง ลาวาหายวับไปเหมือนเป็นอากาศธาตุ บนจอถูกแทนที่ด้วยภาพถ่ายหลายใบ เขาสลับภาพไปมา เลื่อนไปที่โน่น ไปที่นี่ โยกย้ายมันราวกับเป็นภาพถ่ายจริงๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาขยายและหดขนาดภาพแต่ละใบโดยใช้นิ้วชี้สองนิ้ว ตรึงที่มุมของภาพแล้วเลื่อนเข้าออกอย่างรวดเร็ว มีเสียงสะอึกอากาศ เสียงอุทาน และเสียงตบมือประปรายจากผู้ชม

ผู้คนตอบรับต่อการนำเสนอดีผิดคาด ฮานพยายามกล้ำกลืนรอยยิ้ม และกล่าวแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า “สิ่งที่ท่านได้ชมนี้คือวิธีการใหม่ ที่คนรุ่นต่อไปจะใช้เพื่อการปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ซึ่งปราศจากแป้นพิมพ์และเมาส์” เสียงตบมือดังกึกก้องขึ้นห้องประชุมราวกับเปิดสวิทช์ ผู้ร่วมสัมมนาบางคนถึงกับเป่าปากด้วยความพึงพอใจอย่างถึงขีดสุด

ความคลั่งไคล้

แต่การแสดงไม่จบ เขาดึงแป้นพิมพ์สองมิติออกมา มันค่อยๆ ไถลไปแล้วหยุดลงช้าๆ กลางจอภาพ “เดี๋ยวนี้หมดสมัยแล้วที่เราต้องยอมสยบต่ออุปกรณ์” ฮาน พิมพ์สัมผัสสิบนิ้วกับแป้นพิมพ์นั้น มันทำงานได้อย่างถูกต้อง “ถึงเวลาแล้วที่อุปกรณ์ต้องสยบต่อเรา” เมื่อกล่าวจบเขาก็เลื่อนแป้นพิมพ์ไปข้างๆ พรมนิ้วลงบนกระจก เกิดเป็นลูกกลมสีขาวเล็กๆ มันเพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้งที่นิ้วของเขาสัมผัสกับจอ ลูกบอลน้อยๆ กระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่าในเขตที่เขาวาดเป็นคอกไว้เขาพลิกผ่ามือหนึ่งครั้ง ลูกบอลหายวับไป แทนที่ด้วยภูมิทัศน์ของโลกจากอวกาศ เขาใช้ปลายนิ้วลากเพื่อหมุนโลกและเคลื่อนเข้าหาทวีปหนึ่ง และขยายภาพไปหยุดที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เขาเคลื่อนมือไปตามเข็มนาฬิกาทันใดนั้นทิวทัศน์ก็เปลี่ยนมุมจากมุมมองของดาวเทียมเป็นมุมมองจากเครื่องบิน

การแสดงชุดสุดท้ายคือการวาดและควบคุมหุ่นเชิดโดยใช้นิ้วมือทั้งสิบ การนำเสนอทั้งหมดกินเวลาเพียงเก้านาที เมื่อไฟเปิดอีกครั้งและผู้ชมต่างพร้อมใจกันตบมือเสียงเสียงดังลั่นห้องประชุม บางคนถึงกับกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งราวกับอยู่ในการแสดงดนตรีร็อก ฮาน ยืนมองดูอย่างตกตะลึง “นี่คือการตอบรับเลอเลิศสุดที่เคยพบ” ฮานคิด “นับเป็นบุญตาไม่น้อยแล้ว คุ้มกับการเกิดมาหนึ่งชาติ”

ความคลั่งไคล้แพร่กระจากออกนอกห้องประชุมเมื่อเท็ดนำคลิปวิดีโอนี้ใส่ในเว็บไซต์ ไม่นานคลิปนี้ก็ปรากฏในยูทูบ นักทำบล็อกทั้งหลายหลงใหลมันมาก บ้างก็นำคลิปไปใส่ในบล็อกของตน บ้างก็ใส่ลิงค์ที่ชี้ไปยังคลิปวิดีโอนี้ในยูทูบ ทำให้มันกลายเป็นคลิปวิดีโอนำเสนอทางเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล


VDO ตัวอย่าง http://www.youtube.com/watch?v=UcKqyn-gUbY

เทคโนโลยี Multi-Touch

สั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่า สุด Multi-Touch ถ้าแปลตรงๆ ก็หมายถึงการสัมผัสมากกว่าหนึ่ง ซึ่งทาง Apple เองได้ออกตัวเทคโนโลยี Multi-Touch นี้กับ iPhone ทำให้เราสามารถสั่งงานอุปกรณ์มือถือ iPhone ได้ด้วยนิ้วมือ จากหน้าจอ Touch Screen และที่สำคัญสามารถใช้งานได้มากกว่าหนึ่งนิ้ว สำหรับ Microsoft เองก็ใช้งาน Multi-Touch นี้กับ Microsoft Surface

สั่งงานด้วยปลายนิ้ว ทีละหลายจุด

  • ย่อหรือขยายรูปภาพ ด้วยการใช้งานสองนิ้ว
  • หมุนภาพด้วยปลายนิ้ว
  • ใช้นิ้วมือลากไปมา

อุปกรณ์ใช้งานเทคโนโลยี Multi-Touch

  • iPhone (ติดตั้งบนหน้าจอ)
  • iPod Touch (ติดตั้งบนหน้าจอ)
  • Mac Book Air และ Mac Book Pro (ติดตั้งบน Touch Pad)
  • Microsoft Surface (ติดตั้งบนโต๊ะ)
  • Netbook EEE PC 900
  • Dell Tablet PC Latitue XT
  • และอื่นอีกมาก ที่กำลังจะตามมา

เข้าใจทฤษฏีจอหลากสัมผัส
ทฤษฏีจอหลากสัมผัสเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ ตัวจอภาพสร้างจากแผ่นอะครีลิกใสธรรมดาๆ แล้วใช้เครื่องฉายภาพ ฉายภาพจากคอมพิวเตอร์ลงบนตัวรับภาพด้านหลังโดยตรง หรือจะฉา
ยให้สะท้อนกับกระจกก่อนก็ได้ ส่วนการตรวจสอบว่านิ้วมือจิ้มที่ตำแหน่งใด ทำได้โดยใช้แสงอินฟราเร

ดจากหลอด LED (ความจริงควรเรียกว่า IED) หลายๆ ตัว ติดเรียงไว้จำนวนมากที่ขอบจอ เมื่อนิ้วแตะที่จุดใดกล้องอินฟราเรดจะรับภาพได้ การตรวจสอบนิ้วหลายนิ้วที่จิ้มลงหลายจุดพร้อมๆ กันทำได้ง่ายมาก เพราะกล้องอินฟราเรดรับภาพทั้งจอได้ใน

คราวเดียวกันอยู่แล้ว

หลักการของจอหลากสัมผัสอาศัยความจริงที่ว่าเมื่อนิ้วแตะลงบนแผ่นอะครีลิ ก จะเป็นผลให้แสงอินฟราเรดที่ส่องผ่านในแผ่นอะครีลิกเกิดการกระจายตัว



อุปกรณ์หลักๆ ที่ต้องใช้ในการสร้างจอหลากสัมผัสมีเพียง 4 อย่า

งคือ 1)ตัวจอภาพ (ถ้าเราจะสร้างขึ้นเองจากแผ่นอะครีลิก ไม้อัด และ LED แบบอินฟราเรด) 2)แผ่นรับภาพ 3)กล้องอินฟราเรดและ 4)คอมพิวเตอร์

ซอฟต์แวร์
นอกจากฮาร์ดแวร์แล้วหัวใจสำคัญของจอหลากสัมผัสคือซอฟต์แวร์ที่จะตีความภาพตำแหน่งที่นิ้วแตะจอภาพไปเป็นพิกัด นอกจากนั้นซอฟท์แวร์ยังต้องรับรู้น้ำหนักและความเร็วในการกดด้วย ลองดูที่ www.fingerworks.com หากต้องการพัฒนาซอฟท์แวร์เองก็มีไลบรารีที่ช่วยให้การพัฒนาซอฟท์แวร์ทำได้ง่ายขึ้น ดาวน์โหลดซอฟท์แวร์ได้ที่ www.whitenoiseaudio.com/touchlib มีตัวอย่างโปรแกรมให้ทดสอบด้วย

ภาพตำแหน่งที่นิ้วแตะจอภาพ เป็นภาพที่ได้จากกล้องอินฟราเรด

Microsoft Surface

มิได้มีแต่แอปเปิลเท่านั้น บริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำหลายบริษัทกำลังหา

ทางนำเทคโนโลยีใหม่นี้มาบูรณาการกับสินค้าของตน บริษัทไมโครซอฟท์ถึงกับเปิดแผนกใหม่ ชื่อ Microsoft Surface เพื่อพัฒนาและวิจัยสินค้าที่ใช้จอหลากสัมผัส “เซอร์เฟสคอมพิวเตอร์” (Surface computer) เป็นคอมพิวเตอร์รูปทรงโต๊ะกาแฟ ผิวโต๊ะทำหน้าที่เป็น

จอภาพขนาดใหญ่ ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือผู้ใช้ด้วยแสงอินฟราเรด ภายในมีกล้องห้าตัวสามารถตรวจจับการกดของนิ้วมือและสิ่งของพร้อมๆ กันได้ 52 จุด

เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะเป็นพีซีธรรมดา แต่เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงหน่อย คือใช้ซีพียู Core 2 Duo แรม 2GB และการ์ดจอใหม่ล่าสุด ระบบปฏิบัติการมีแกนหลักเหมือน Windows Vista ทีมงาน Microsoft Surface สร้างส่วน WPF (Windows Presentation Fou

ndation) ขึ้นใหม่ให้เหมาะกับการใช้งานแบบจอหลากสัมผัส โครงการนี้มีชื่อรหัสว่ามิลาน ทำให้บางครั้งมีผู้

เรียนคอมพิวเตอร์นี้ว่า M

icrosoft Milan (นอกเหนือจาก Table PC)

สิ่งที่น่าทึ่งของมิลานคือนอกจากจะปฏิสัมพันธ์กับการใช้นิ้วมือแล้ว มันยังปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์ดิจิตอลพกพาได้ด้วย ในวิดีโอคลิปที่เว็บไซต์ www.microsoft.com/surface แสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้ใช้วางกล้องถ่ายรูปดิจิตอลไว้บนโต๊ะ คอมพิวเตอร์จะรับรู้และแสดงภาพถ่ายในกล้องออกมาบนโต๊ะเหมือนภาพที่อัดไว้บนกระดาษจริงๆ ภาพถูกคลีออกเรียงซ้อนกันไว้ เมื่อมีผู้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือ PDA มาวาง ข้อมูลในรายชื่อการติดต่อก็จะแสดงออกมาบนโต๊ะ ผู้สาทิตยังแสดงวิธีโอนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ว่าทำได้ง่ายเพียงใช้ปลายนิ้วลากภาพถ่ายจากกล้องแล้วสะบัดค่อยๆ ภาพก็จะเลื่อนไปหาและถูกดูดเข้าไปในเครื่องรับโทรศัพท์

VDO ตัวอย่าง http://www.youtube.com/watch?v=Zxk_WywMTzc&feature=fvst


ใครลอกใคร

ถ้าดูในวิดีโอสาทิตการทำงานจอหลากสัมผัสของฮาน (http://www.perceptivepixel.com/) กับของไมโครซอฟท์ (http://http//media.ted.com/images/ted/1613_254x191.jpg) จะเห็นว่าคล้ายคลึงกันมากจนน่าสงสัยว่าเลียนแบบกันหรือไม่ ไมโครซอฟท์อ้างว่าจัดตั้งและพัฒนา Surface มาตั้งแต่ปี 2001 แต่เก็บเป็นความลับสุดยอด และเพิ่งได้ฤกษ์เปิดตัวในปี 2007 นี้เอง ส่วนฮานออกแสดงเทคโนโลยีนี้

ครั้งแรกในงานเท็ดปี 2006

ถ้าแอบดูอุปกรณ์ใต้โต๊ะของ Microsoft Surface จะพบว่าใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกับข

องฮานทุกอย่าง

ภาพแสดงอุปกรณ์ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ Microsoft Surface 1)จอภาพทำจากแผ่นอะครีลิกใสใส่ฉากรับแสง 2)แหลงกำเนิดแสงอินฟาเรด 3)คอมพิวเตอร์ 4)เครื่องฉายภาพ (ที่เห็นลอยอยู่สี่ตัวคือกล้องอินฟราเรด)

ของดีที่ปลายนิ้ว
เทคโนโลยีจอหลากสัมผัสช่วยให้เราใช้คอมพิวเตอร์ได้สนุกมากขึ้น และเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ในโอกาสและสถานที่ซึ่งแตกไปจากเดิม การปราศจากแป้นพิมพ์และเมาส์
ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์กินความกว้างขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้อาจมีสินค้าไฮเทครูปแบบใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในลักษณะที่เราคาดไม่ถึง แอปเปิลนำหน้าไปก่อนแล้วกับ iPhone แต่ไมโครซอฟท์ย่อมไม่ยอมทิ้งห่างแน่ ต่อไปคำขวัญของไมโครซอฟท์ที่ว่า “คอมพิวเตอร์ทุกโต๊ะทุกบ้านวิ่งโปรแกรมของเรา” อาจเปลี่ยนเป็น “โต๊ะทุกตัวทุกบ้านกลายเป็นคอมพิวเตอร์” ก็ได้


ที่มา: http://thai-cs.spaces.live.com/blog/cns!4D52C1812766D2D7!1034.entry#comment